Don't take out of my work!
wiinz's world
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
Saturday, May 19, 2012
Friday, December 9, 2011
Tuesday, September 6, 2011
Thursday, June 30, 2011
Saturday, April 23, 2011
Passionate You !!
cr :: winx
Say hi ~ Say ho ~
And say "I love you" ^^
Thanks for your comment it's mean to me ^^b
See ya!! when to Changminho time ...
Friday, February 18, 2011
[SF]Baby Candy Kiss~
“กลับมาแล้วคร้าบบบ”เสียงตะโกนจากประตูหน้าบาน ตามด้วยเสียงวิ่งตึงตังขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน
“อ๊ะ มินโฮ! มีคนมารออยู่ที่ห้องนะ อ้าว ไปซะแล้ว”ไม่ทันคนเป็นแม่ที่วิ่งออกมาจากครัว ลูกชายก็หายขึ้นห้องไปแล้ว แต่ร้องบอกตามหลังไปเท่านั้น ก่อนจะเดินกลับเข้าครัวไปอีกครั้ง
หนุ่มน้อยนามมินโฮแทบจะเหาะกลับบ้านหลังจากเลิกเรียน วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบปลายภาคและเป็นการสอบครั้งสุดท้ายของชั้นมัธยมต้น เค้า รีบกระหืดกระหอบปั่นจักรยานเพื่อให้ถึงบ้านให้เร็วที่สุด จะไม่ให้รีบได้อย่างไรในเมื่อวันนี้มันเป็นวันแห่งการรอคอย ในที่สุดก็จะได้อยู่กับที่รักแบบไม่มีอะไรมาขว้างเสียที นี่แหละความสุข
ปังงง
“สตาร์คาร์ฟที่รัก ฉันมาแล้ว!!”มือ บางเปิดประตูห้องเสียงดัง ก่อนจะกางแขนแล้วตะโกนสุดเสียง เพราะมัวแต่ดีใจจนไม่สังเกตเห็นบุคคลที่นั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือเลยสัก นิด และดูเหมือนว่าเสียงจะรบกวนการอ่านหนังสือของอีกคน มือหนาของคนที่อ่านหนังสืออยู่จึงหยิบหมอนขึ้นปาไปยังเจ้าของเสียงเข้าเต็ม หน้า โดยที่ตาไม่ละออกจากหนังสือเลย
“อุ๊บบ โอ้ยย ใครวะ!!”มิ นโฮหน้าหงายก่อนจะทิ้งตัวล้มลงพื้นอย่างสวยงาม มือบางฉวยเอาหมอนหลักฐานในการทำร้ายตัวเองเอาไว้ แล้วมองหาคู่กรณีที่บังอาจมาทำร้ายเค้าถึงถิ่น
“หนวกหู”คำ เดียวสั้นๆง่ายๆ แต่ทำเอาคนได้ยินหูผึ่ง รีบหันไปตามทางที่มาของเสียง ตาที่โตอยู่แล้วเบิกกว้างขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในห้อง ร่างบางที่ยังนั่งอยู่บนพื้นถอยหลังกรูดออกไปอยู่นอกห้อง นิ้วเรียวยกขึ้นชี้ไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างสั่นๆ ปากบางอ้าค้างอย่างพูดไม่ออกอยู่ชั่วครู่ ผิดกับก่อนหน้าที่ตะโกนโหวกเหวกไม่สนใจใคร
“พ...พี่”เสียงพึมพำเบาหวิวหลุดออกมา
“.....................”
“พี่!!”
“ก็พี่นะสิ แล้วจะตะโกนทำไมก็บอกว่าหนวกหู”ร่างสูงละจากหนังสือในมือหันมามอง แล้วตอบเรียบๆ
“แล้วพี่ขึ้นมาได้ไงเนี่ย!!”มินโฮที่ยังนั่งอยู่บนพื้นและนิ้วก็ยังชี้ค้างอยู่อย่างนั้น ถามกลับ
“จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย หรือว่าอยากให้ช่วย...”
“เฮ้ย มะ ...ไม่ต้องๆๆ ลุกแล้วๆ”เห็นว่าอีกคนจะลุกขึ้นมาช่วยจริงๆ สองมือก็โบกปฏิเสธพัลวัน แล้วรีบลุกขึ้นยืนแต่ตัวยังอยู่นอกห้องไม่ยอมเข้ามา
“เข้าห้อง”ร่างสูงออกคำสั่งง่ายๆ แต่อีกคนกลับไม่ปฏิบัติตาม ยังตั้งหลักปักแนวอยู่หน้าประตูเหมือนเดิม
“หึ๊ พี่ก็ออกจากห้องผมก่อนสิ”มินโฮส่ายหัวเร็วๆปฏิเสธ เรียกร้องให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงให้ออกจากห้องของตัวเอง
“เข้าห้องมาดีๆ แล้วปิดประตูซะ อย่าให้พี่ต้องเดินไปหา ไม่งั้นสองเม็ด”ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองไปที่ร่างบางนิ่งๆ แค่นั้นแหล๊ะมินโฮก็วิ่งเข้าห้องปิดประตูแทบไม่ทัน
“ไม่เอานะ! พี่สัญญาแล้วไง เป็นผู้ใหญ่แล้วห้ามผิดคำพูดเด็ดขาด!”ปราดเดียวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าคนชอบสั่งที่กำลังอมยิ้มกับการได้แกล้งเด็ก
“ถ้าไม่ดื้อก็ไม่ผิดสัญญา”ใบ หน้าน่ารักถึงจะงอง้ำแต่ก็พยักหน้ารับ มือบางรั้งเป้ที่สะพายบนบ่าลงวางบนพื้น หันหลังมุ่งสู่โต๊ะคอมที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ไม่สนใจสายตาวิบวับของอีกคน ขาเรียวยังไม่ทันก้าวออกจากที่ มือหนาก็โอบเอวบางจากด้านหลังดึงเข้าชิดกับแผ่นอกกว้าง ตามด้วยกระซิบแผ่วด้วยน้ำเสียงทุ้มหวานคำพูดที่ชวนให้คนฟังรู้วูบหวิวในอก ที่ข้างใบหู
“แต่ตอนนี้...ขอลูกอมเม็ดแรกในรอบสองอาทิตย์ก่อนก็แล้วกัน”จบ ประโยคมินโฮก็หันขวับกลับมาเป็นจังหวะเดียวกับที่ริมฝีปากร้อนแนบลงมา นุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับล่อลวง รู้ว่าเป็นอย่างนั้นอยากจะดิ้นรนหนี แต่วงแขนแกร่งโอบกอดอยู่ ก็แข็งแรงเกินกว่าจะขัดขืน ถ้าเค้าจะทำได้แค่ยอมรับจูบหวานๆนั่นคงไม่แปลกอะไร
อา...วันนี้รสส้มสินะ
จูบรสส้มที่กินเวลากว่านาทีหยุดลง เด็กน้อยหอบตัวโยนในอ้อมกอด ใบหน้าแดงกล่ำก้มหลบสายตาคมที่จ้องมองอยู่
“เห็นว่าสอบมาเหนื่อยๆ รสส้มทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมั้ย”
“พี่ก็อย่างนี้ตลอด ปล่อยผมได้แล้ว”มินโฮพยายามแกะมือกอดตัวเองอยู่ แต่คนกอดก็ดูจะไม่ให้ความร่วมมือ กลับกอดแน่นขึ้นอีก ทั้งยังเอ่ยคำพูดชวนให้คนฟังต้องอายออกมาอีก
“พี่ยังอยากกินรสช็อกโกแลตอีกนะ”
“พอแล้ว! กินลูกอมเยอะเดี๋ยวก็ฟันผุหรอก”มินโฮรีบตอบหน้าตาตื่นแล้วเริ่มดิ้นอีกครั้ง เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากร่างสูงได้เป็นอย่างดี
“ฮ่าๆ ปล่อยแล้วๆ น่าจะรู้นะเด็กน้อยดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่า”แกล้งพอใจแล้วก็ปล่อยร่างบาง พอได้รับอิสรภาพมินโฮรีบถอยไปตั้งหลักอีกฟากหนึ่งของห้องทันที
“ชิมชางมินคนนิสัยไม่ดี!! แอบเข้าห้องคนอื่น”
“หืม...พี่ไม่ได้แอบนะ ก็คุณน้าบอกให้ขึ้นรอมาบนนี้ พี่ไม่ได้แอบซักหน่อย”ชางมินตอบหน้าตาย
“ก็...ก็นั่นแหละ แล้วพี่มาทำไม วันนี้ที่มหา’ลัยไม่มีเรียนหรือไง”
“อะไรกัน พี่ว่าพี่บอกเราไปแล้วนะว่าสอบเสร็จแล้ว วันนี้ที่มา...”ชางมินเว้นวรรคคำพูดทิ้งไว้ก่อนจะต่อด้วยคำที่ทำเอาเด็กน้อยหน้าแดงอีกรอบของวัน
“...................”
“...คิดถึง”
//////////////////////////////////////////////
คุณเปรียบดั่งแสงอาทิตย์ในยามเช้า
อาจจะดูเหมือนเด็กไปบ้าง
แต่ฉันกลับชอบมัน
ฉันไม่หวังสิ่งใดอีกแล้ว ฉันอยากมองคุณอยู่แบบนี้
....เด็กไม่ดีมาทำให้รักแล้ว ไม่สนใจแบบนี้ได้ไงกัน....
ถึง จะคิดอย่างนั้นริมฝีปากกลับไม่ยอมหุบยิ้ม และมีแต่จะยิ้มมากขึ้นอีก เมื่อเด็กขี้เซาปัดผ้าห่มออกเบียดตัวเข้าหาคนตัวโตแล้วยกแขนขึ้นกอด ซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งถูไถเบาๆคล้ายลูกแมวขี้อ้อน เปลือกตาสวยหลับพริ้ม ไม่ได้รับรู้สักนิดว่าตัวเองทำให้ใครแทบละลายไปกับความน่ารักที่แสดงออกมา โดยไม่รู้ตัว
ฉันได้โน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างใบหูที่งดงามนั้น
“มินโฮ~ ตื่นได้แล้ว”
“..........................”
“...มินโฮ~ ถ้าไม่ตื่นพี่จะกินลูกอมแล้วนะ”
“...อีกแป๊บนึง~”งึมงำตอบกลับแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตา แถมยังซุกตัวกับคนปลุกเข้าไปอีก
“เอาเป็นบัตเตอร์คาราเมลเน๊อะ ไม่ได้กินมาหลายวันแล้วด้วย”พูดขึ้นลอยๆ แต่จงใจให้อีกคนได้ยิน
“...ห๊ะ!! ตื่นแล้วๆ”ได้ ผล มินโฮรีบผละออกจากอกล่ำๆเด้งตัวขึ้นนั่ง ไม่มีแม้แต่อาการงัวเงียให้เห็น จะไม่ให้รีบได้อย่างไร หากคนตัวโตอมเจ้าลูกอมชนิดนี้ขึ้นมา คนที่จะแย่ต้องเป็นตัวเองแน่นอน เพราะเจ้าลูกอมเม็ดเล็กรสชาติหวานหอมนั่น มันก็อร่อยดีหรอก แต่มันกลับแข็งกว่าลูกอมทั่วไป อมเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมละลายเสียที ครั้งแรกที่ชางมิน...เอ่อ...จูบด้วยเจ้าบัตเตอร์คาราเมล ทำเอาเด็กน้อยแทบตาย ก็จูบตั้งนานจนปากบางเริ่มบวมแต่เจ้าลูกอมเม็ดเล็กกลับไม่ลดขนาดลงสักนิด ตั้งแต่นั้นมินโฮจึงห้ามชางมินกินเจ้าบัตเตอร์คาราเมลอีก
“อุ๊บ! ฮ่าๆๆ”เด็กน้อยที่นั่งทำหน้าตื่นๆมือบางสองข้างยกขึ้นปิดปาก ผมเผ้าชี้ฟูไม่เป็นทรง ทำเอาคนมองกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“ชางมิน! พี่แกล้งผมเหรอ!!”เห็นอย่างนั้นถึงได้รู้ว่าโดนอีกฝ่ายแกล้ง กำปั้นเล็กจึงทุบลงบนแขนแกร่งเต็มแรงเรียกเสียงโอดโอยจากคนตัวโตได้เป็นอย่างดี
“โอ้ยย ตัวนิดเดียวแต่มือหนักนะเรา มานี่เลย”แขนยาวรวบเอวบางเข้ามากอดได้ทันตอนที่คนร้ายกำลังจะหนีลงจากเตียง
“อ๊ะ!! พี่ปล่อยนะ! ปล่อยๆ”พอ ถูกคว้าทันก่อนจะได้ลงเตียงร่างบางก็พยายามดิ้นให้หลุด แต่คนกอดก็กอดเสียแน่น ทั้งยังออกแรงรั้งจนคนตัวเล็กมานั่งแหมะอยู่บนตักแต่ก็ยังดิ้นอยู่อย่างนั้น ร่างสูงจึงต้องรวบแขนเล็กเข้ามากอดด้วย นั่นแหละถึงได้หยุดดิ้น ชางมินยิ้มชอบใจ กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น วางคางลงบนลาดไหล่คนตัวเล็ก
“ไม่ต้องกอดแน่นก็ได้ ผมไม่หนีหรอกน่า”เบี่ยงหน้าหลบลมหายใจอุ่นที่รดอยู่ตรงซอกคอ ก่อนจะบ่นอุบอิบออกมาเบาๆ
“กอดไม่แน่นคนร้ายก็หนีนะสิ”
“ผมไม่ได้หนีสักหน่อย จะไปอาบน้ำต่างหากล่ะ เดี๋ยวแม่รอกินข้าว”
“...แต่วันนี้เราจูบอรุณสวัสดิ์เลยนะ”ชางมินพูดเสียงอ้อนๆข้างหู แค่นั้นก็เรียกเลือดขึ้นมารวมอยู่ที่หน้าคนฟังได้แล้ว
“...อ...อะไรกัน เมื่อวานพี่ก็...ก็...จูบไปแล้วไง”ท้วงเสียงเบา
“...นะ คนดี”
“...ต...แต่ว่า...”
“...นะ มินโฮคนดีของพี่”เสียงทุ้มกระซิบเสียงแผ่ว เพิ่มดีกรีความอ้อนลงไปอีก
“...ก็ได้...”แค่นั้นแหละ...คำตอบที่ได้รับเบาแสนเบาแค่ไหน แต่กลับทำให้คนรอฟังยิ้มออกได้
ยามที่สองเราสบตากัน ฉันได้แต่สงสัยรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของฉัน
จะเข้าไปอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของหัวใจคุณได้ไหมนะ
“มินโฮ~ ตื่นรึยังลูก สายแล้วนะ ปลุกพี่เค้าแล้วลงมาทานมาข้าวได้แล้ว”ก่อน ที่จูบอ่อนหวานจะกลายเป็นจูบเร่าร้อน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัด ตามมาด้วยเสียงของคุณแม่ที่เห็นว่าสายมากแล้ว แต่ลูกชายกลับยังไม่ยอมลงไปข้างล่างเสียที ถึงจะปิดเทอมแล้วแต่นี่ก็สายเกินไปที่จะนอนอุตุอยู่บนเตียง มินโฮสะดุ้งผลักคนที่ตัวเองใช้เป็นที่นั่งออกห่าง แล้วรีบตะโกนตอบกลับเสียงสั่น
"ต...ตื่นแล้วครับ พี่อาบน้ำอยู่เดี๋ยวพวกเราตามลงไปนะครับ""รีบตามมานะ เดี๋ยวแม่อุ่นกับข้าวไว้รอ"
"คร้าบบ"
"หึหึ...เด็กไม่ดีโกหก"คางหนาเกยกับบ่าเล็กกระซิบกล่าวโทษเด็กไม่ดีแต่ตัวเองกลับกอดไม่ปล่อยเบาๆ มือเล็กเอื้อมมาผลักหัวหนักๆออกจากไหล่
"ไม่ดีก็ปล่อยซักที แล้วก็ไปอาบน้ำได้แล้ว"
"กอดอีกหน่อยไม่ได้หรอ??"
"ไม่! ไปอาบน้ำจะได้ลงไปทานข้าว เดี๋ยวแม่รอ"
"งั้น...อาบพร้อมกันเลยนะจะได้เสร็จเร็วๆ"
ผัวะ!!
"พี่! กวนประสาทปล่อยเลย!"
" โอ้ยย เขินก็บอกมาน่า ไม่เห็นต้องรุนแรงกลบเกลื่อน"มือหนาลูบแขนตัวเองป้อยๆ ปากก็บ่นอุบเพราะเช้านี้เขาโดนมือเล็กนี่ตีแบบไม่ออมแรงไปสองรอบแล้ว
"พี่!!"
" ฮ่าๆ โอเคๆ ไปแล้วๆ"ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนสาวเท้าไปหยิบผ้าชนที่แขวนอยู่แล้วเดิน เข้าห้องน้ำไป แต่ก็ไม่วานจะพูดเบาๆลอยมาเข้าหูอีกคนว่า
สุด ท้ายกว่าจะอาบน้ำทำภารกิจตอนเช้าเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมงเช้า ข้าวมื้อแรกของวันถึงได้ตกถึงท้อง วันนี้เป็นวันปิดเทอมวันแรกมินโฮวางแผนไว้ว่าจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น เพราะตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงวันนี้เขาก็ต้องได้เล่นเกมส์ที่กำลังติดงอม แงมอยู่ได้ให้ ถึงจะมีตัวกวนที่ชื่อชิมชางมินอยู่ก็ตาม แต่อะไรก็ดูไม่เป็นใจไปเสียหมด เพราะแค่เขาหย่อนก้นลงบนเก้าอี้แล้วเปิดคอมพิวเตอร์ต่อมก่อกวนของชางมินก็ เริ่มทำงานทันที เดี๋ยวบ่นเบื่อเดี๋ยวบ่นหิวทำเอาเขาไม่เป็นอันเล่น
"โว้ยยย พี่อ่ะ เลิกกวนผมแป๊บนึงได้ไหม ขอผมเล่นเกมส์ก่อนนะ"
"...อะไร เราอุตส่าห์ได้อยู่ด้วยกันนะ มินโฮก็จะเล่นแต่เกมส์หรอ"ชางมินแสร้งทำเสียงเศร้าๆ
"แต่ผมไม่ได้เล่นมาสองอาทิตย์แล้วนะ ขอผมเล่นหน่อยสิ"
"... งั้นพี่กลับไปรอที่บ้านก่อนก็แล้วกัน เล่นเสร็จแล้วก็โทรไปนะ เดี๋ยวพาออกไปกินข้าวข้างนอก"เสียงที่เอ่ยออกมาราวกับตัดพ้อ ร่างลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ขึ้นมาถือไว้ในมือ ขายาวเดินมาหยุดอยู่ตรงประตูห้องมือหนาจับที่ลูกบิดประตูและกำลังจะเปิด ออก...
คุณเปรียบดั่งแสงอาทิตย์ในยามเช้า
อาจจะดูเหมือนเด็กไปบ้าง
แต่ฉันกลับชอบมัน
"...พี่...จะกลับจริงๆหรอ"แรงดึงชายเสื้อทางด้านหลังเบาๆถามเสียงอ่อย ร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ยกยิ้มมุมปาก
"................................" เงียบคือคำตอบ แค่นี้ก็ทำเอามินโฮผู้ไม่ทันเกมส์ใจเสีย มือเล็กพยายามดึงให้คนตัวสูงหันกลับมา นอกจากตัวโตๆนั่นจะไม่ขยับตามแรงดึงแล้ว ยังหันหน้าหนีอีกไปอีกทาง
"...พี่~..."
"...ก็มินโฮอยากเล่นเกมส์มากกว่าอยู่กับพี่ไม่ใช่หรือ??"น้ำเสียงน้อยใจถูกส่งออกมา ราวกับตัวนั้นน้อยอกน้อยใจเสียเต็มประดาทั้งที่ใจจริงๆมันตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจที่หลอกเด็กได้สำเร็จ
"ม...ไม่ใช่นะ! ผมแค่จะเล่นนิดเดียว ก็..."เด็กน้อยรีบแก้ไขความเข้าใจให้อีกคนพัลวัน ก่อนจะก้มหน้าพูดเสียงเบาหวิวในประโยคสุดท้าย
".............................."
"... ก็...วันนี้...พี่จะอยู่กับผมทั้งวันไม่ใช่หรอ"...แค่นั้น...แค่นั้นแหล๊ะ คนที่แกล้งทำเป็นน้อยใจถึงกับยิ้มหน้าบานยอมหันกลับมาหาเด็กน้อยของตัวเอง ที่มือข้างหนึ่งยังดึงชายเสื้อของเขาไม่ยอมปล่อย ใบหน้าน่ารักก้มมองพื้นไม่ยอมเงยขึ้นมา แต่อย่างนั้นเขาก็ยังมองเห็นแต้มระเรื่อกระจายอยู่เต็มสองข้างแก้มอยู่ดี
เวลา หนึ่งวันไปเร็วราวซุปเปอร์แมนบินผ่าน เกือบครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วที่ชางมินกับมินโฮตัวติดกันแทบจะตลอด หลังจากเมื่อเช้าที่คนตัวโตงอนและคนตัวเล็กง้อได้สำเร็จยังความเบิกบานใจมา สู่คนเจ้าคิดเจ้าวางแผน พอใจแล้วกับการกระทำน่า รักๆของเด็กน้อยถึงได้ปล่อยให้มินโฮเล่นเกมส์ต่อ ส่วนตัวเองก็เอนหลังอ่านหนังสือที่หยิบติดมือมาตั้งแต่เมื่อวานอยู่บนเตียง รอให้ตัวเล็กเล่นเกมส์จนพอใจนั่นแหละ พอดูเวลาอีกทีก็เกือบจะบ่ายโมงจากที่คิดว่าจะไปทานกันข้างนอกเปลี่ยนมาเป็น โทรสั่งพิซซ่ามากินแทน นั่นแหละถึงได้ย้ายจากที่ขลุกกันอยู่แต่ชั้นบนมาครึ่งวันแล้วลงมาข้างล่าง ได้
น้ำ ทะเลสีครามภายใต้ท้องฟ้าสดใส ลมจากทะเลพัดเข้าหาฝั่งกลิ่นทะเลลอยอวนอยู่ในจมูก...อาา นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มาทะเล...เมื่อสองวันก่อนตอนที่กำลังดูหนังสยองขวัญ ที่ซื้อมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ดูเสียที อยู่ดีๆพี่ชางมินก็ชวนมาทะเลขึ้นมาเสียเฉยๆ
“...มินโฮ~ “
“ครับ??”
“ไปเที่ยวทะเลกัน”
สองวันผ่านไปผมเลยได้มายืนอยู่ริมทะเลแบบนี้ไง จริงๆผมก็ไม่ได้อยากมาเท่าไหร่แค่ไม่อยากมองคนแก่งอนเพราะไม่เห็นว่าจะน่ารักตรงไหน
“มินโฮ~ เล่นน้ำทะเลกัน”
“เล่นได้แล้วหรอ! งั้นผมไปเปลี่ยนเสื้อแป๊บเดียว พี่รอก่อนนะ”
“โหยย เหนื่อยอ่ะ พี่แกล้งผมตลอด”มินโฮเดินบ่นกระปอดกระแปดขึ้นมาจากน้ำก่อนจะนั่งลงบนพื้นทราย
“อะไร มินโฮนั่นแหละแกล้งพี่ก่อน”ชางมินที่เดินตามขึ้นมาแล้วนั่งลงข้างกันหันมาเถียง
“ไม่รู้ล่ะ เย็นนี้พี่ทำกับข้าวให้ผมกินเลย”
“ขี้โกงนี่ ว่าแต่อยากกินอะไรล่ะ”ถึงปากจะบอกอย่างนั้น แต่ก็ยังตามใจอยู่ดี
“มาทะเลก็ต้องกินอาหารทะเลสิ งั้นเอาทะเลเผาแล้วกันง่ายดี”
“โอเคๆ แต่ตอนนี้ไปอาบก่อนไปเดี๋ยวไม่สบายรู้ไหมตัวแสบ”
หลัง จากอาบน้ำเรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็น ชางมินให้แม่บ้านไปซื้อกุ้ง ซื้อปูสดๆมาเตรียมไว้ตั้งแต่ที่มินโฮยังอาบน้ำอยู่ อาหารทะเลของชอบหลายอย่างที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะทำให้เด็กน้อยอารมณ์ดีไปกับ อาหารเย็นมื้อนี้
“โอ้ยย อิ่ม~”มิ นโฮเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาลูบท้องที่ตึงแน่นเพราะความอิ่ม ชางมินมองยิ้มๆก่อนเดินมายกขาเรียวขึ้น ทิ้งตัวลงนั่งลงแทนที่ขาแล้วพาดขาเรียวไว้บนตักอีกทอดหนึ่ง
“กินเยอะขนาดนี้ พี่คงต้องทำงานหนักหาเงินมาเลี้ยงเราแน่เลย”
“ผมไม่ได้กินเยอะอย่างนั้นสักหน่อย!!”มินโฮเถียงกลับทั้งที่มือยังคงลูบท้องตัวเองอยู่
“ไม่เยอะหรือ? แล้วนี่อะไรหืม?”นิ้วยาวจิ้มลงบนท้องที่เคยแบนราบ แต่ตอนนี้กลับป่องออกมานิดหน่อย เพราะเจ้าของยัดอาหารสารพัดอย่างลงไป
“อย่าจิ้ม! มันยิ่งปวดอยู่”มือเล็กตีมือหนาเบาๆเชิงให้เลิกทำ ก่อนจะบ่นออกมา
“เพราะกินเยอะเกินไปน่ะสิ กินยาไหมเดี๋ยวไปหยิบให้”มือหนาเปลี่ยนจากจิ้มมาเป็นลูบเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนถามไถ่อย่างห่วงใย
“ไม่เอา พี่อย่าเพิ่งหยุดลูบนะกำลังดีเลย”หัวกลมส่ายดิกปฏิเสธ แล้วนอนผึ่งพุงให้มือหนาลูบต่อ
“ใช้กันจัง จะว่าไปพี่พามาเที่ยวทั้งสนุกทั้งกินอิ่มแบบนี้ คนดีแถวนี้ก็ไม่คิดจะให้รางวัลกันบ้างเลยน้า~ มันน่าน้อยใจจริงๆ”
“โหยยมีทวงด้วย แล้วพี่จะเอาอะไรล่ะ”
“...ถ้าบอกแล้วจะให้หรือเปล่าล่ะ”
“ก็ต้องดูก่อนว่าให้ได้รึเปล่า”คนนอนผึ่งพุงตอบ ตากลมโตหลับพริ้มเพราะเคลิ้มไปกับมือหนาที่ลูบท้องป่องให้
“...งั้น...ขอลูกอมเม็ดหนึ่งก็แล้วกัน”
ไม่ รู้ว่าเพราะเคลิ้มจนใกล้หลับหรืออะไร ถึงทำให้ไม่รู้สึกตัวสักนิดตอนที่ร่างหนาโน้มลงมาจนปลายจมูกโด่งคลอเคลีย อยู่ข้างแก้มใสกระซิบบอกคำขอที่ชวนใจสั่น ริมฝีปากร้อนกดจูบซ้ำๆที่ซอกคอหอม ก่อนละออก
“...รางวัลเป็นลูกอมรสชเวมินโฮได้หรือเปล่า”พวงแก้มที่เป็นสีชมพูระเรื่อเพราะความร้อนมารวมอยู่บนใบหน้าเสหลบ ปากบางเม้นแน่นอย่างใช่ความคิด
“...รู้ไหม ว่าพี่น่ะขอมากเกินไปนะ”คำตอบที่ได้รับต่างจากที่หวังนัก ดวงตาคมจึงดูหม่นๆอย่างผิดหวัง
“...........................”
“...แต่...ผมให้ก็ได้”
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนบนโซฟาตัวยาวที่ปากร้อนทาบทับบดเบียดกับริมฝีปากหวานๆ ดูดดึงเสียจนปากบางเริ่มบวมเจ่อ เสียงครางอือดังขึ้นเรื่อยๆมือเล็กที่เกาะไหล่หนาไว้บีบแน่นเพราะจูบเร่าร้อนไม่มีทีท่าว่าจะละออก อากาศที่มีอยู่ในปอดก็จวนเจียนจะหมด ร่างเล็กจึงเรียกร้องขออากาศหายใจ และร่างสูงก็ไม่ใจร้ายพอที่จะให้คนรักขาดใจตายไปเพราะจูบเดียว แต่เพียงไม่นานจูบร้อนก็กลับมาบดคลึงอีกครั้งลูกอมรสชเวมินโฮหวานลิ้นเสียจนยากจะหักห้ามให้ลิ้มรส ยิ่งกินก็ยิ่งติดใจและไม่อยากละจาก ลิ้นอุ่นแทรกผ่านกลีบปากหวานกวาดต้อนเกี่ยวกระหวัดหลอกล่อให้ลิ้นเล็กตอบสนองรสจูบ และก็ไม่ยากนักเมื่อร่างบางที่กำลังเคลิ้มหัวสมองว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ออกนอกจากทำตามที่ร่างสูงเป็นผู้ชักนำ จูบรสหวานคลุกเคล้าความเร่าร้อนเสียดายที่จะต้องละจากหากก็ต้องตัดใจ เพราะปากบางนั้นเจ่อจนกลัวว่ามันจะแตก
คนตัวเล็กหอบหนักหน้าอกสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ผิวหน้าแดงเรื่อตากลมโตหรี่ปรือ จมูกคมคลอเคลียกับซอกคอหอมกดจูบหนักๆจนมันขึ้นเป็นรอยตัดกับผิวขาว ก่อนจะลากไล้จูบมายังแผ่นอกบางกดจูบหนักๆอีกครั้งผ่านเสื้อยืดสีฟ้าตัวเก่งที่คนตัวเล็กชอบใส่ มือหนาลูบหน้าท้องรั้งชายเสื้อขึ้น แล้วตามด้วยจูบลงไปบนหน้าท้องเป็นการปิดท้าย ชางมินลุกขึ้นนั่ง จ้องมองคนรักที่ตอนนี้จมเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วอย่างรักใคร่ และได้แต่บ่นในใจ
....เมื่อไหร่จะโตสักทีน้า....
//////////////////////////////////////////////
ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วหลังไปเที่ยวทะเล ชางมินที่เรียนจบแล้วต้องเข้ามาเรียนรู้งานที่บริษัทของครอบครัว ส่วนมินโฮก็เอาแต่เล่นเกมส์ไม่สนใจอะไรรอบข้างเสียเท่าไหร่ ดีหน่อยก็ตรงที่พอถึงเวลาที่ชางมินเลิกงาน มินโฮจะเลิกเล่นแล้วไปนั่งรอนอนรอชางมินที่บ้านของร่างสูง หากถามว่าทำไมมินโฮต้องเทียวไปเทียวมา ทำไมไม่มาเล่นเกมส์เสียที่บ้านของชางมินเลย จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง คำตอบคือไม่เสียเวลาอะไรเลยเพราะบ้านของมินโฮกับชางมินห่างกันแค่รั้วกั้น การที่มินโฮเดินไปเดินมาระหว่างบ้านตัวเองกับบ้านของร่างสูงมันจึงเป็นเรื่องปกติ แล้วยิ่งช่วงนี้บ้านของมินโฮไม่มีคนอยู่พ่อไปดูงานที่ต่างประเทศ แม่ก็ไปกับพ่อนั่นแหละแต่เห็นบอกจะไปเที่ยวไม่ได้ไปช่วยทำงาน ดังนั้นมินโฮจึงต้องฝากปากท้องรวมถึงที่หลับที่นอนไว้กับบ้านของชางมิน
แล้ววันนี้ก็กิจวัตรประจำวันที่มินโฮต้องทำคือเล่นเกมส์เสร็จก็กลับมานั่งรอรับชางมินที่กำลังกลับมาจากทำงาน แต่วันนี้ออกจะต่างจากทุกวันอยู่ก็ตรงที่เมื่อเดินเข้ามาในบ้านคุณป้าแม่บ้านบอกกับเขาว่ามีผู้หญิงมานั่งรอร่างสูงได้สักพักแล้ว
"แล้วเขาได้บอกไหมครับว่าเป็นใคร"
"เธอบอกแค่ว่าเป็นเพื่อนกับคุณชางมินค่ะ ป้าถามว่าจะให้เรียนคุณชางมินให้ทราบไหมว่าเธอมารอ เธอก็บอกไม่ต้องค่ะ"
"งั้นก็ปล่อยไว้อย่างนั้นล่ะครับ"
"ค่ะ แล้วคุณมินโฮจะรับของว่างไหมคะ เดี๋ยวป้าจะให้เด็กยกมาให้"
"เหมือนเดิมก็ได้ครับ ขอบคุณนะครับป้า"
คุยกับคุณป้าแม่บ้านเสร็จเรียบร้อยมินโฮก็เดินไปห้องรับแขก ขาเรียวก้าวมาหยุดอยู่ตรงประตูห้องยืนมองหญิงสาวคนที่ถูกพูดถึงสักพักก่อนก้าวเข้าห้องไปแล้วนั่งลงที่โซฟาตัวประจำอย่างไม่สนใจจะทักทายหญิงสาวแต่อย่างใด แล้วยกหนังสือการ์ตูนเล่มที่ถือติดมือมาขึ้นอ่าน
ทุกอย่างที่มินโฮทำอยู่สายตาของเธอทั้งหมด ท่าทางสบายๆนั่นอะไรกันเด็กนี่ทำตัวอย่างกับว่าบ้านนี้เป็นของตัวเองอย่างนั้น ไม่เห็นหัวเธอที่นั่งอยู่ตรงนี้สักนิด อาการหมั่นไส้บวกกับความอยากรู้ทำให้เธอต้องเรียบๆเคียงๆถามออกไป
"...เอ่อ...เธออยู่บ้านนี้หรอ"มินโฮเงยหน้าจากหน้าหนังสือการ์ตูนหันซ้ายหันขวาแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเองเป็นเชิงถามว่าคุยกับเขาหรือ เมื่อเห็นเธอพยักหน้ามินโฮจึงตอบออกไป
"ปกติก็ไม่ได้อยู่บ้านนี้หรอกครับ"ตอบแต่ก็ยังก้มหน้าอ่านต่อ
"อ้าว แล้วปกติเธออยู่ที่ไหนล่ะ"
"อยู่บ้านข้างๆน่ะ แต่พ่อกับแม่ไม่อยู่ชางมินเลยให้มานอนที่นี่"ชื่อของชายหนุ่มที่เธอกล่าวอ้างว่าเป็นเพื่อนหลุดออกมาเรียกความสนใจของเธอได้ไม่น้อยและพยายามชวนคุยเพื่อตีสนิท
"อ่อ เธอเป็นน้องชายของชางมินหรอ"เพราะเห็นว่ามินโฮยังเป็นเด็กเธอจึงถามออกไป
"เปล่า"มินโฮส่ายหน้าปฏิเสธ
"งั้นเป็นญาติกับชางมิน ต้องใช่แน่เลยเพราะฉันว่าฉันคุ้นๆหน้าเธอนะ"
"เมื่อก่อนอ่ะเป็นญาติ แต่ตอนนี้ไม่ใช่"
"เอ๊ะ!! นี่เธอจะเอายังไงเดี๋ยวบอกใช่เดี๋ยวบอกไม่ใช่!!"เพราะเห็นว่าเด็กตรงหน้าพูดจากวนเสียจนเธอทนไม่ไหวจึงผุดลุกขึ้นตะโกยเสียงดัง
"อ้าว ก็คุณถามผมก็ตอบ"
"แล้วถ้าเธอไม่ได้เป็นญาติกับชางมิน แล้วทำไมชางมินถึงให้เธอเข้าอยู่ในบ้านได้ล่ะ"
"ผมเป็นแฟนชางมินไง แล้วคุณเลิกตะโกนได้แล้วอยู่ใกล้แค่นี้ เดี๋ยวก็เจ็บคอหรอก"พูดจบก็ก้มหน้าอ่านหนังสือในมือต่อ
"ฉันไม่เชื่ออย่างชางมินนะหรอจะมาคบเด็กอย่างเธอ หึ"
"แล้วเด็กอย่างผมมันทำไม ว่าแต่คุณเป็นเพื่อนชางมินจริงเปล่าเนี่ย ท่าทางไม่เหมือนเลยอ่ะ"มินโฮมองหญิงสาวอีกครั้งอย่างพิจารณา
"ก็ต้องใช่สิยะ ฉันไม่โกหกเหมือนเด็กบางคนแถวนี้หรอก"พูดจบหล่อนก็กอดอกเชิดหน้า
"ถ้าคุณไม่..."พูดยังไม่ทันจบเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอด เรียกให้มินโฮหันไปมองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องรับแขกไป
"นี่เธอจะไปไหนน่ะ!"หญิงสาวตะโกนถาม แล้วเดินตามมินโฮออกมา
"พี่~"
"ไงตัวแสบ ทำงานเหนื่อยอ่ะ มาขอกอดให้หายเหนื่อยหน่อยดิ่"ร่างสูงเดินเข้ารวบคนตัวเล็กเข้าไปกอดแน่น แถมจุ๊บที่หน้าผากไปให้อีกหนึ่งที
"พอแล้ว! ผมหายใจไม่ออก"ในขณะที่ภาพประจำวันกำลังเดินไปตามที่มันควรเป็นก็ถูกขัดขึ้น
"ชางมิน! ยูรากลับมาหาคุณแล้วค่ะ"
/////////////////////////////////////////////////////////
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"มินโฮ~ เปิดประตูให้พี่หน่อยสิ"นานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วอตั้งแต่ยูราหรือฮงยูรากลับไป ชางมินยืนเคาะประตูอยู่ตรงนี้มาเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว
โครม!
และทุกครั้งที่เคาะจะมีเสียงของกระแทกประตูทุกครั้งเช่นกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้สภาพภายในห้องของเขาจะเป็นยังไงบ้าง แต่ถึงห้องจะเละเทะแค่ไหนชางมินก็ใช่ว่าจะสนใจ ที่ชางมินสนใจคือเด็กน้อยที่เข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องมาเกือบชั่วโมงแล้วต่างหาก
"มินโฮ~ ออกมาคุยกันหน่อยคนดี"
โครม !โครม!
ชิมชางมินจะไม่ต้องมายืนง้อให้เหนื่อยเลยหากเขาไม่เผลอเรอลืมใครบางคนที่สำคัญไป
Flash Back
"ยูรา"ร่างสูงชะงักไปเมื่อเห็นว่าเป็นใคร หญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเขาคือคนเดียวกับคนรักเก่าที่เลิกรากันไปเมื่อหลายปีก่อนไม่ผิดแน่ ในวันที่จากไปหญิงสาวบอกกับเขาเพียงแค่ว่าไม่ต้องรอเธอ เพราะเธอจะไม่กลับอีกแล้ว แต่เหตุใดวันนี้ คนคนนั้นถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน
"ฉันกลับมาหาคุณแล้วนะคะชางมิน"หญิงสาวโผเข้ากอดร่างสูง ในช่วงเวลาที่ยังประหลาดใจและตกใจ สมองยังมึนๆคิดอะไรไม่ออก แขนแกร่งก็ยกขึ้นกอดตอบ ในความเงียบงันคนที่กันออกจากโลกของคนสองคน ได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้านิ่ง ในใจสับสนมีแต่คำถามมากมายเต็มไปหมด เพราะไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกความคิดในตอนนี้ยังไง มินโฮจึงทำได้แค่มองแล้วหันหลังเดินขึ้นชั้นบนไปเงียบๆ
"อ...เอ่อ ยูรา"เหมือนสติจะกลับมาครบร้อย ชางมินค่อยๆดันหญิงสาวออก
"ฉันดีใจจริงๆที่ได้เจอคุณ ตอนอยู่อเมริกาฉันคิดถึงคุณตลอด"แม้จะถูกดันออกมาแต่มือเรียวบางก็ยังกุมมือหนาไม่ปล่อย เรียวตาสวยสบกับตาคมสื่อความหมายอย่างที่พูด
" อยู่ที่โน่นคุณสบายดีนะ"
"ก็สบายดีค่ะ ตอนที่ตัดสินใจไป ฉันคิดว่าฉันคงจะอยู่ได้จะไม่เป็นไรถึงไม่มีคุณ แต่ยิ่งนานฉันก็ยิ่งคิดถึงคุณ ฉันพยายามเรียนให้จบแล้วกลับมาหาคุณ"น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเสียใจ แววตาเศร้าสร้อยช่างน่าสงสาร
"...กลับมา...หาผมงั้นหรือ??"เน้นเสียงถามคนตรงหน้า
"ใช่ค่ะ กลับมาหาคุณ กลับมาอยู่กับคุณ ฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว"ยูราพยักหน้ารับ ยืนยันให้อีกฝ่ายได้มั่นใจ
"...ผม..."ชางมินยังตั้งตัวไม่ติด คิดอะไรออกในหัวมีแต่คำพูดของหญิงสาววิ่งวนไปมา เขาก็ยังไม่ได้ตอบกลับความรู้สึกเธอไป จวบจนยูรากลับไปนั่นแหละเขาถึงคิดได้ว่า
....ลืม...ใครบางคนไป
Flash Come
ร่างสูงยืนพิงประตูห้องที่เขาเคาะมานานอย่างคิดไม่ตก ชางมินได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมถึงไม่ปฏิเสธยูราไป ทำไมถึงไม่บอกยูราไปว่าเขามีมินโฮอยู่แล้ว หรือเพราะลึกๆแล้วเขายังมีความรู้สึกนั้นกับยูราอยู่ ความรู้สึกที่เรียกว่า"รัก" แล้วถ้าหากเขายังรัก แล้วใจเขายังรอหญิงสาวอยู่
...แล้วที่เขารู้สึกกับมินโฮมันคืออะไร...
ชางมินรู้แค่ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเด็กน้อย ไม่เหมือนกับที่เขาเคยมีในอดีตกับคนรักเก่า รักเหมือนกันแต่ลึกลงไปในรายละเอียดของความรู้สึกของหัวใจมันแตกต่าง...ต่างกันมาก ถ้าเพียงแต่เขาหาความแตกต่างนั้นเจอเด็กน้อยของเขาคงไม่ต้องเสียใจอยู่อย่างนี้ เพราะในตอนนี้คนที่เขาพูดได้เต็มปากว่า"สำคัญ" คงกำลังเสียใจอยู่ข้างในนั้นแน่นอน ไม่รู้ว่าเด็กน้อยจะร้องไห้หรือเปล่า ในหัวเล็กๆนั่นจะคิดอะไรอยู่ แค่คิดว่าเด็กที่เคยสดใสและมีแต่เสียงหัวเราะมาตลอดต้องมามีน้ำตาเพราะความงี่เง่าของตัวเอง ในใจก็อึดอัดบีบรัดแทบทนเข้าไปกอดแล้วปลอบไม่ไหว
....ชิมชางมินคนโง่...เมื่อปากกับใจตรงกันที่บอกว่าห่วงใยความรู้สึกและไม่อยากให้ใครคนที่สำคัญเสียใจ....คำตอบอยู่ตรงหน้า แล้วทำไมต้องถามหาความแตกต่าง....
"มายืนทำอะไรตรงนี้ชางมิน?"เสียงทักเรียกให้ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์ความคิด เงยหน้ามองก่อนจะเห็นว่าคนถามเป็นใคร ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบออกไป
"...เอ่อ...เข้าห้องไม่ได้ครับ"
"เข้าไม่ได้? ทำไมถึงเข้าไม่ได้ล่ะ แล้วน้องไปไหน"ชิมจูยองมองลูกชายอย่างสงสัยแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แล้วถามหาใครอีกคนที่อยู่ร่วมบ้านมาได้หลายวันแล้ว
"มินโฮอยู่ในห้องครับ"
"อ้าว น้องก็อยู่แล้วทำไมเราเข้าห้องไม่ได้ หรือไปกวนโมโหอะไรน้องอีกล่ะ"
"ก็นิดหน่อยครับ ตามปกตินั่นแหละ"ชางมินได้แต่ยิ้มเจื่อนตอบส่งๆไป
"โตแล้วชางมิน เลิกเล่นเป็นเด็กได้แล้ว รีบง้อจะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว"
"ครับ~ ผมจะไม่ให้ลูกชายคนโปรดของท่านรองประธานอดข้าวแน่นอนครับ"ชางมินเอ่ยแซวคำสั่งของมารดาอย่างขำๆ แต่พอแผ่นหลังบางของมารดาหายลับเข้าห้องไปร่างสูงกลับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หันกลับไปมองประตูห้องของตัวเองอย่างหนักใจอีกครั้ง
"มินโ..."ตั้งใจว่าจะลองเรียกอีกครั้ง แต่ประตูกลับเปิดออกมาก่อน ร่างเล็กยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ บอกให้รู้ว่าเด็กน้อยอาบน้ำแล้ว ชางมินยิ้มกว้างที่เด็กน้อยยอมเปิดประตูเสียที
“กลับไปแล้วหรอครับ”คนตัวเล็กถามเสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์
“อ...อื้ม กลับไปแล้ว แล้วนี่มินโฮอาบน้ำแล้วหรือ”พูดจบร่างสูงเดินเข้าไปหาร่างเล็กทำท่าจะกอดแต่มินโฮเบี่ยงตัวหลบ
“พี่ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมลงไปรอข้างล่าง”สั่งเสร็จก็เดินลงบันไดไปทันที ชางมินที่ยังงงกับท่าทางแปลกๆของมินโฮ ได้แต่มองตามหลังบางอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเข้าห้องไป
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
นับจากวันที่หญิงสาวคนรักเก่าของชางมินกลับมานี่ก็หลายวันแล้ว ชางมินเล่าเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นให้มินโฮฟังและมินโฮก็ไม่ได้ว่าอะไร ระหว่างชางมินกับมินโฮก็เหมือนเดิม ที่เช้าชางมินไปทำงาน มินโฮจะเล่นเกมส์พอถึงช่วงเวลาที่ชางมินเลิกงานก็จะมานั่งรอเป็นอย่างนี้เช่นทุกวัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเวลากลับบ้านของร่างสูงที่จะช้ากว่าปกติ บางครั้งเลยเวลาอาหารเย็นไปนานแล้วกว่าร่างสูงมาถึงบ้าน พอถามไปว่าทานข้าวมาหรือยัง ชางมินจะตอบว่าทานแล้วมินโฮยังแปลกใจว่าทำงานตลอดแล้วเอาเวลาที่ไหนไปทานข้าว และที่หนักสุดคือมินโฮเข้านอนไปแล้วและไม่รู้ว่าชางมินกลับเข้าบ้านมาตอนไหน ตื่นนอนตอนเช้าจะเห็นร่างสูงนอนอยู่ข้างๆ ถามก็จะบอกว่างานเยอะต้องอยู่ทำจนดึก เป็นอยู่อย่างนั้นสองคนคุยกันแทบจะนับคำได้ มินโฮไม่อยากคิดว่าร่างสูงโกหก มินโฮไม่อยากระแวง มินโฮบอกกับตัวเองทุกครั้งที่คิดอะไรไม่ดีว่าเขายังเด็กไม่เข้าใจงานที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นสุดท้ายความคิดที่ว่าร่างสูงเปลี่ยนไปก็กลับมา ถึงชางมินจะยังกอดเขาเหมือนเดิม ยังยิ้มให้เขาเหมือนเดิม
....แต่บางอย่างหายไป บางอย่างมันไม่เหมือนเดิม....
และวันนี้ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วชางมินก็ยังกลับบ้านดึก มินโฮตัดสินใจนั่งรอที่ห้องรับแขก เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาเดินผ่านเลขสามจนจะถึงเลขสี่อยู่แล้ว แต่ชางมินก็ยังไม่กลับ มินโฮนั่งเหม่อมองเข็มนาฬิกาที่มันค่อยๆเดินอยู่อย่างนั้น รายการที่ฉายอยู่บนจอโทรทัศน์เป็นรายการอะไรหรือเรื่องอะไรมินโฮก็ไม่ได้ใส่ใจ แค่เปิดทิ้งเอาไว้เพื่อไม่ให้เงียบ ตอนนี้เข็มสั้นของนาฬิกาเดินเลขสี่ไปจนถึงเลขห้าและกำลังจะเลยผ่านเลขห้าไป คนที่มินโฮนั่งรอมาหลายชั่วโมงก็มาถึงเสียที
ร่างสูงเดินเข้าบ้านมือหนาดึงรูดเนคไทออก วันนี้งานกองพะเนินเต็มโต๊ะ ทำมากแค่ไหนก็เหมือนว่ามันจะลดน้อยลงเลยสักนิด ตอนนี้เขาอยากอาบน้ำแล้วนอน ร่างสูงคิดอย่างนั้นและกำลังจะเดินขึ้นบันไดขาก้าวยาวกลับหยุด นึกแปลกใจที่ดึกขนาดนี้ไฟในห้องรับแขกกลับยังเปิดอยู่หรือมารดาของเขานึกอยากดูละครช่วงนี้กัน ไม่ให้เสียเวลาสงสัยอะไรขายาวจึงเดินกลับไปดู แล้วสิงที่เห็นก็ทำให้แปลกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะเป็นเด็กน้อยที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนแต่เปิดโทรทัศน์เอาไว้
“มินโฮดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก”ร่างสูงเดินไปนั่งลงข้างคนที่กำลังตั้งหน้าตาอ่าน มินโฮได้ยินเสียงถามก็เงยขึ้นจากหนังสือในมือแล้วตอบกลับ
“ยังไม่ง่วง พี่กลับดึกอีกแล้วนะครับ”
“อืม งานเยอะชะมัด ทั้งๆที่พี่เพิ่งจะเริ่มทำแท้ๆไม่รู้จะเยอะไปไหน เฮ้อ~”พูดจบก็เอนตัวไปด้านหลังพิงพนักโซฟาบอกว่าหมดแรงจริงๆ
“นั่นสิ อีกหน่อยก็คงไม่มีเวลา”ร่างบางพึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่ให้อีกคนได้ยิน
“แล้วนี่ทำไมถึงนอนไม่หลับล่ะหื้ม หรือว่ารอพี่??”ถามด้วยความห่วงใย แต่ปลายเสียงกับกรุ่มกริ่มหยอกล้อในที แขนแกร่งสอดรอบเอวเล็กรั้งเข้ามากอด
“เพราะผมนอนกลางวันเยอะไปต่างหาก ไม่งั้นป่านนี้ผมหลับไปนานแล้ว”มือบางวางหนังสือในลงบนโต๊ะ แล้วเอนตัวซบหัวเล็กลงกับแผ่นอกกว้าง การกระทำน่ารักขัดกับคำพูดทำเอาร่างสูงยิ้มไม่หุบ เห็นแล้วอยากอ้อนเด็กน้อยบ้าง
“...เหนื่อยจัง”ร่างสูงพูดกับกลุ่มผมนุ่มแล้วจูบลงไปเบาๆ
“เหนื่อยก็ไปนอนสิ”พูดไล่กลายๆแต่แขนเรียวกลับกอดร่างสูงแน่นขึ้น
“มินโฮจะขึ้นไปพร้อมพี่หรือเปล่า”ร่างสูงถาม มินโฮเงยขึ้นมอง แล้วคิดสักพักก่อนจะตอบออกมา
.
.
.
.
“ไปสิ เดี๋ยวคนแก่นอนไม่หลับ”
ร่างสูงเดินเช็ดผมที่เพิ่งสระออกมาจากห้องน้ำ เดินมาหาร่างเล็กที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มเดิม ชางมินทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เอือมมือไปดึงหนังสือออกจากมือบางแล้วยื่นผ้าขนหนูให้แทน มือบางรับผ้ามาแล้วเริ่มเช็ดผมให้ร่างสูง
“เรื่องนี้สนุกหรือ เห็นอ่านตลอดเลย”ชางมินถามมือก็พลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ
“เล่มนี้มันก็ของพี่ไม่ใช่หรือไง ถ้าไม่สนุกพี่จะซื้อมาทำไมหลายเล่ม ถามเหมือนไม่เคยอ่าน”
“อ้าว หรือ? ฮ่าๆ”
“...หรือมันไม่ใช่ของพี่ถึงถามแบบนั้น”มือบางที่กำลังเช็ดผมชะงักไปเล็กน้อยเหมือนสังเกตอะไรได้ แล้วก็เริ่มเช็ดใหม่ไม่ทันให้ร่างสูงได้รู้ตัว
“เปล่าหรอก ลืมน่ะ ไม่ได้อ่านนานแล้ว”บทสนทนาจบลงแค่นั้น ร่างสูงยังเปิดหน้าหนังสืออ่านไปเรื่อยๆมือบางก็เช็ดผมให้จนผมที่เปียกชื้นแห้ง มินโฮจึงเอาผ้าไปตาก แล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอน สั่งให้ร่างสูงจัดการปิดไฟให้เรียบร้อยแล้วมานอน เพราะตอนนี้มันดึกมากแล้ว
ร่างสูงมองแผ่นหลังบางที่นอนหันหลังให้เขา เมื่อนึกถึงสิ่งที่มินโฮทำวันนี้แล้วปากหยักก็ยกยิ้ม เจ้าตัวบอกไม่ได้รอเขาเพราะยังไม่ง่วงเลยไม่ยอมนอน แต่ตากลมโตกลับแดงกล่ำเหมือนคนอดนอนอย่างนั้น ถึงชางมินจะมองว่าการที่มินโฮมานั่งรอตัวเองกลับมาบ้านนั้นน่ารักแค่ไหน แต่ชางมินก็ไม่อยากให้มินโฮอดนอนอยู่ดี ชางมินสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆเด็กน้อย มือหนายื่นออกไปจับให้ร่างบางพลิกกลับมา
“มินโฮหลับแล้วหรือคนดี”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเบาๆ นิ้วเรียวยาวเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากมนออกเพื่อจะได้มองหน้าคนรักให้ชัดๆ
“...หลับแล้ว~”มินโฮเอ่ยตอบเสียงงัวเงีย ตากลมโตลืมขึ้นแต่มันก็หรี่ปรือเต็มที
“หึหึ อย่าเพิ่งหลับ คุยกับพี่ก่อน”ชางมินขำกับคำตอบ ก่อนที่แขนแข็งแรงสอดเข้าไปใต้ตัวคนตัวเล็ก ดึงอีกฝ่ายมาแนบอก ส่วนคนตัวเล็กก็เบียดหัวกลมๆซุกกับอกกว้างแล้วกอดตอบร่างสูง
“มันดึกแล้วนะ พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานไม่ใช่หรอ”มินโฮที่ตอนนี้ตื่นเต็มตาแล้ว ถามคนชวนคุย
“แต่เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย มินโฮไม่คิดถึงพี่บ้างหรือไงกัน”
“...คิดถึงสิ...มากด้วย”
“ชื่นใจจัง”ชางมินยิ้มให้กับคำตอบพลางกอดร่างบางแน่นขึ้น
“พรุ่งนี้พี่รีบกลับบ้านได้ไหมอ่ะ”
“...ทำไมล่ะ มีอะไรหรือ??”มินโฮมองสบตากับร่างสูงแล้วบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
.
.
.
.
.
“ก็ผมคิดถึงพี่จนทนไม่ไหวแล้วนะสิ”
ชางมินอึ้งไปกับคำพูดของคนในอ้อมกอด ไม่บ่อยนักที่มินโฮจะพูดอะไรแบบนี้ พอได้ยินแล้วชักอยากหยุดงานแล้วมาขลุกอยู่กับเด็กน้อยทั้งวันให้หายคิดถึง
////////////////////////////////////////////////////////////////
เช้าวันเสาร์ที่อากาศดีเหมาะกับเป็นวันพักผ่อน แต่ชิมชางมินก็ยังต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานอีกทั้งวัน มันช่างน่าเบื่อเสียจริงๆ แต่ก็เอาเถอะรีบไปแล้วจะได้รีบกลับมา เมื่อคืนมินโฮอุตส่าห์อ้อนทั้งที เขาคงไม่ใจร้ายพอจะที่จะปล่อยให้คนรักรอจนค่อนคืนเหมือนเมื่อวานเป็นแน่ คิดอย่างนั้นก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป ปล่อยให้เด็กน้อยที่ตัวเองกอดนอนมาทั้งคืนหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาต่อ ดังนั้นบนโต๊ะอาหารของมื้อเช้าจึงมีแค่สามคนพ่อแม่ลูก าดมินโฮที่ยังไม่ลงมาร่วมโต๊ะทำเอาชิมยูจองรู้สึกเป็นห่วงกลัวคนโปรดจะไม่สบาย ชางมินจึงบอกกับมารดาไปว่าเมื่อคืนน้องนอนไม่ค่อยหลับวันนี้เลยให้ตื่นสายได้
ร่างของคนที่ตกเป็นหัวข้อในการสนทนาระหว่างแม่ลูกบนโต๊ะอาหาร ขยับตัวหยุกหยิกเพราะแสงที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบเปลือกตา ก่อนจะงัวเงียลุกขึ้นนั่งทั้งที่ตายังไม่ยอมลืมขึ้นด้วยซ้ำ มือบางความสะเปะสะปะหาโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงเพื่อจะดูเวลา ตากลมโตค่อยๆลืมขึ้นอย่างลำบากเปลือกยังหนักอึ้งเพราะความง่วงงุนยังมีอยู่ มือบางข้างที่ว่างยกขึ้นถูเปลือกตาบางไปมา แล้วตามมาด้วยการหาวอีกวอดใหญ่ เมื่อเจอสิ่งที่หาจึงยกขึ้นมาดูเวลา แต่เจอกระดาษโพสอิทสีฟ้าที่มีข้อความสั้นๆเขียนไว้แปะอยู่จึงดึงมันออกมาอ่าน
ตื่นแล้วอย่าลืมคิดถึงพี่เหมือนเดิมนะ
แล้ววันนี้จะรีบกลับมาทำให้หายคิดถึง
รัก...ชางมิน
มินโฮไล่อ่านตัวหนังสือจนจบ แล้วนึกถึงเมื่อคืนที่ตัวเองเผลอทำอะไรไป ร่างบางก็ลงไปนอนม้วนบนเตียง
....น่าอายชะมัด!....
บิดตัวกลิ้งไปกลิ้งมาเพราะอายเรื่องที่ตัวเองทำอยู่อย่างนั้น จนเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ตัวเลขบนหน้าปัดบอกว่าตอนนี้เวลาเก้าโมงเช้ากับอีกสิบห้านาทีแล้ว และเขาก็ควรลุกจากที่นอนด่วนจี๋ เพราะวันนี้เขามีนัดกับคีบอมตอนสิบโมง ชเวมินโฮไม่อยากฟังคิมคีบอมบ่นจนหูชาหรอกนะ!!
หลังจากใช้เวลาไม่กี่นาทีในการอาบน้ำและแต่งตัว แม้แต่ข้าวมื้อแรกของวันของมินโฮยังเป็นแค่แซนวิซสองสามชิ้นที่คุณป้าแม่บ้านทำใส่กล่องมาให้เขาทานบนรถ มินโฮรีบยัดแซนวิซคำสุดท้ายเข้าปาก เคี้ยวเร็วๆก่อนจะกลืนลงไปตามด้วยนมอีกหนึ่งกล่อง นมหยดสุดท้ายไหลลงสู่กระเพาะพร้อมๆกับรถที่มาส่งจอดสนิทตรงที่นัดหมาย มินโฮรีบลงจากรถแล้วกวาดสายตามองหาเพื่อนสนิท ไม่นานสายตาก็ไปโฟกัสเข้ากับคนที่กำลังยืนกอดอกใบหน้าหวานๆนั่นบึ้งตึงที่กำลังมองมาที่เขา มินโฮหน้าซีดวันนี้ก็คงไม่รอดฝีปากการบ่นของคิมคีบอมแน่นอน ร่างบางยืนไว้อาลัยให้ตัวเองก่อนจะเดินไปหาคนที่อารมณ์บูดสนิท
“ครึ่งชั่วโมง แก้ตัวมาว่าทำไมนายถึงมาสายตั้งครึ่งชั่วโมง”คีบอมถามเสียงเข้ม
“ตื่นสาย~”มินโฮตอบเสียงเบา พอได้ยินคำแก้ตัวเท่านั้น คีบอมก็บ่นๆแล้วก็บ่น แต่บ่นว่าอะไรบ้างมินโฮเองก็จนปัญญาจะฟังทัน และไม่อยากจะฟังด้วย บ่นอยู่นานหลายนาทีก่อนจะจบลงด้วยเขาต้องเลี้ยงข้าวกลางวันเป็นการขอโทษ โดยที่เขาปฏิเสธไม่ได้นั่นแหละอีกคนก็พออกพอใจขึ้นมาทันที
“คิมคีบอม เราเดินวนห้างกันมารอบหนึ่งแล้วนะ ตกลงนายจะมาซื้ออะไร ฉันเห็นนายเข้าร้านนั้นออกร้านนี้แต่ยังไม่เห็นว่านายจะซื้ออะไรเลยสักอย่าง”มินโฮบ่นอย่างหน่ายๆ หลังถูกลากเข้าห้างมาคีบอมก็พาเขาเดินไม่หยุด เดินมาชั่วโมงกว่าแล้วด้วยซ้ำ แต่อีกคนที่บอกจะมาซื้อของขวัญวันเกิดให้แม่ตัวเอง ยังไม่ได้เลือกอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทำเอาคนที่เดินตามแถมข้าวเช้ายังเป็นแซนวิซแค่สามชิ้นเริ่มเดินไม่ไหว
“อะไรอ่ะ นายตัวโตกว่าฉันตั้งเยอะ แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วหรอ”คีบอมหันมาทำหน้าตูมบ่นกลับให้กับคนตัวโตกว่า
“นี่ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ แล้วตอนนี้มันก็เที่ยงแล้วด้วย ขอไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยมาเดินต่อได้ไหมอ่ะ”มินโฮโอด มือก็ลูบท้องป้อยๆ ก็กระเพาะของเขามันเรียกหาอาหารมาสักพักแล้ว ถ้าให้เดินต่อไปเขาต้องเป็นลมแน่นอน คีบอมยกข้อมือขึ้นดูเวลาเห็นว่าเป็นอย่างที่เพื่อนบอกจริงๆ
“โอเค งั้นไปกินอาหารญี่ปุ่นร้านเดิมแล้วกัน”เมื่อตกลงและเลือกร้านอาหารกันเรียบร้อยทั้งจึงเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสี่ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารญี่ปุ่น
ชั้นสี่ของห้างจะเป็นส่วนของร้านอาหารทั้งหมด มีอาหารให้เลือกทานแทบทุกประเภทตั้งแต่อาหารธรรมดาไปจนถึงอาหารสุดหรู เสียงคีบอมร่ายเมนูอาหารที่อยากกินดังไม่หยุด แต่ก่อนจะถึงร้านที่ตั้งใจจะไป จะมีร้านอาหารอิตาลีชื่อดังตั้งอยู่ คนแทบจะเต็มร้านตลอด ในวันเสาร์แบบนี้คนยิ่งเยอะเป็นพิเศษ
“โอ๊ะ ร้านนี้ก็น่ากินนะ เห็นเขาบอกว่ามีเมนูใหม่ล่ะ เอาไว้วันหลั..ง..”เสียงคีบอมเงียบไป ตามมาด้วยแรงกระตุกที่ชายเสื้อ มินโฮหันมามองเพื่อนด้วยสีหน้างงๆ
“อะไร? นายจะเปลี่ยนใจกินอาหารอิตาลีแทน??”มินโฮถามคนที่ยืนชี้นิ้วค้างเข้าไปในร้าน
“มินโฮ นายดูนั่นสิ ใช่พี่ชางมินเปล่าอ่ะ”คีบอมไม่ตอบแต่เรียกให้เพื่อนมองตามนิ้วตัวเองที่จิ้มอยู่บนกระจกหน้าร้าน
“ไหน? ไม่เห็นเลย”มินโฮมองตาม แต่ก็ยังไม่เห็นคนที่เพื่อนบอก
“นั่นไง ที่นั่งกับผู้หญิงผมยาวๆที่ใส่ชุดที่ชมพู ทางซ้ายมืออ่ะ เห็นมั้ยๆ”คีบอมชี้พร้อมกับบอกตำแหน่ง มินโฮมองหาก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ที่มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ คนหนึ่งที่จำได้ดีและอีกคนที่ช่างคุ้นตา
“พี่...กับฮงยูรา”
“พี่ชางมินมากับใครอ่ะ เพื่อน?? นายรู้จักหรือเปล่า”เห็นเพื่อนเงียบไปคีบอมจึงหันมาถาม
“รู้จักสิ ฮงยูรา...แฟนเก่าชางมินไง”มินโฮตอบแต่ตาก็ยังมองไปที่คนรัก คีบอมตาโตกับคำตอบ แต่ก่อนที่คีบอมจะได้พูดอะไรมินโฮก็ลากคีบอมออกจากตรงนั้น เพราะเห็นว่าคนทั้งสองกำลังจะออกร้านแล้ว
“นี่ๆ นายไม่เข้าไปทักหน่อยล่ะ ปล่อยไว้แบบนั้นจะดีหรอ”คีบอมถามคนที่พาตัวเองมาหลบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ๆกัน
“ใครบอกว่าจะปล่อย ฉันแค่อยากตามดูเงียบๆน่ะ”
“อืม แต่ว่ามันจะบ่ายโมงแล้วนะ เดี๋ยวพี่ชางมินคงกลับไปทำงานต่อ”คีบอมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู พบว่ามันจะบ่ายโมงแล้ว ร่างสูงควรจะกลับเข้าบริษัทได้แล้ว มินโฮไม่ตอบอะไรแต่ลากเพื่อนให้เดินตามร่างสูงไป
ชางมินกับหญิงสาวลงบันไดเลื่อนมาชั้นสาม มินโฮที่เดินตามมาห่างๆมองดูคนรักของตัวเองทั้งหัวเราะทั้งยิ้ม ก่อนจะไล่สายตาไปที่มือของฮงยูรา มือเรียวสวยสมกับเป็นมือของผู้หญิงสอดคล้องไว้กับแขนแกร่ง บางจังหวะที่เธอคนนั้นหัวเราะเธอจะเอียงศีรษะไปซบกับท่อนแขนนั้น มินโฮมองภาพเหล่านั้นด้วยใจที่เจ็บแปลบ ไม่อยากมองไม่อยากเห็นและไม่ได้อยากเดินตามแบบนี้ แต่มินโฮก็ไม่อยากให้ตัวเองระแวง สู้พิสูจน์ให้รู้ไปเลยจะดีกว่า คีบอมมองเพื่อนตัวเองอย่างห่วงๆสีหน้าของมินโฮไม่สู้ดีนัก แต่คีบอมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อยากจะลากกลับแต่มินโฮคงไม่ยอมกลับแน่ คีบอมจึงได้แต่จับมือเพื่อนเอาไว้อย่างให้กำลังใจ
ร่างสูงเดินมาหยุดที่โรงหนังบนชั้นสามของห้าง ทั้งคู่หยุดยืนดูโปสเตอร์หนังรักโรแมนติก หญิงสาวรบเร้าจะดูให้ได้ร่างสูงจึงพยักหน้ารับ หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนจะเดินไปซื้อตั๋ว ปล่อยให้ร่างสูงยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว
ชิมชางมินมาดูหนังไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ที่ชเวมินโฮแปลกใจคือชิมชางมินที่เคยบอกกับเขาว่าไม่ชอบหนังรักๆใคร่แบบนี้ กลับเลือกที่จะดูมัน มินโฮลวงโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กออกจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะกดเบอร์ที่เมมไว้ว่า “ปีศาจลูกอม” แล้วโทรออก รอไม่นานปลายสายก็กดรับ
"ว่าไงคนดี โทรมาเร่งให้พี่กลับหรือไง" เสียงอ่อนโยนที่ลอดมาตามสาย หากเป็นเวลาปกติมันคงทำให้มินโฮยิ้มกับตัวเอง ถ้าแต่ตอนนี้เขาอยากร้องไห้เสียมากกว่า
“ผมแค่จะโทรมาถามว่าตอนนี้...พี่ทำอะไรอยู่ แล้วพี่ทานข้าวหรือยัง”มินโฮพยายามเปล่งเสียงออกไปให้เป็นปกติที่สุด ในขณะที่ปากขยับพูดแต่สายตาก็ยังมองไปยังร่างสูง
“เรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วตอนนี้กำลังคิดถึงเด็กขี้เหงาบางคนอยู่”...คำว่าคิดถึง หากเป็นก่อนหน้านี้มันหลุดออกมาจากปากของร่างสูง มินโฮคงจะเขินอายอยู่ไม่น้อย แต่มันไม่ใช่ตอนนี้
“...พี่อย่าล้อเล่นน่ะ พี่...ทำงานอยู่ใช่ไหม อยู่ที่บริษัทใช่หรือเปล่า”ถามออกไปอย่างนั้น แต่ตัวมินโฮกลับรู้ดีว่าไม่ว่าคนรักจะตอบแบบไหนหรือยังไงมันก็โหก
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ พี่ทำงานอยู่แล้วก็คิดถึงมินโฮไปด้วยไง”แค่ได้ยินคำตอบของคนที่อยู่ปลายสาย น้ำตาหยดแรกก็ไหลลงมา มือบางที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นไหว
“...พี่ไม่ได้...โกหกใช่ไหม”เสียงเริ่มไม่อาจควบคุมสั่นเครือ จนปลายสายเริ่มสังเกตได้
“มินโฮ~ เป็นอะไรหรือเปล่า พี่ทำงานอยู่จริงๆ รีบทำให้เสร็จจะได้รีบกลับไปหาเด็กดีไง”
“...แล้วพี่รู้หรือเปล่า ว่าตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่”
“............................”
“ผมก็กำลังมองดูพี่ทำงานไง สนุกไหม?? ต้องสนุกสิ ผมเห็นพี่ยิ้มตลอดเลยนี่”
“............!?............”ถอยคำที่หลุดออกมาทำเอาคนปลายสายอึ้งพูดไม่ออก ก่อนจะรีบมองหา
“พี่ไม่ต้องมองหาผมหรอก ไม่ต้องรีบกลับบ้าน เพราะกลับไปก็ไม่เจอผมอยู่ดี!!”
“มินโฮ! มินโฮ! บ้าเอ้ย!!”ร่างสูงสบถออกมาเสียงดัง สายถูกตัดไปแล้วยิ่งเร่งให้ตาคู่คมมองหาเด็กน้อยของตัวเองให้เจอเร็วขึ้น เชื่อว่าเด็กน้อยต้องอยู่แถวนี้แน่นอน แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่มี ชางมินตัดสินใจจะไปตามที่บ้านถึงมินโฮจะบอกว่าต่อให้เขาไปไม่เจอก็ตาม แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาไปไหนแรงรั้งที่แขนก็เรียกให้ร่างหันกลับมอง
“คุณจะไปไหนคะชางมิน เดี๋ยวจะได้เวลาแล้วนะคะ”ยูรามองร่างสูงอย่างสงสัยในท่าทางร้อนรน
“ผมมีธุระคงอยู่ดูหนังกับคุณไม่ได้แล้ว ขอตัวก่อนนะ”ชางมินรีบพูดก่อนจะดึงมือหญิงสาวออก แล้วรีบสาวเท้าออกมาจากตรงนั้น ยูราที่ยังมึนกับการถูกทิ้งกว่าจะรู้ตัวร่างสูงก็หายไปแล้ว หญิงสาวได้แต่เต้นเร่าด้วยความไม่พอใจอยู่คนเดียว
//////////////////////////////////////////////////////////////
ตลอดมาชิมชางมินไม่เคยขับรถเร็ว ไม่อยากขับและไม่เคยคิดจะขับรถเร็วด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้ชางมินคิดว่าความเร็วที่ขับอยู่มันยังน้อยไป แล้วยิ่งร้อนใจเมื่อหมายเลขปลายทางที่พยายามโทรหาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้กลับไม่มีคนรับ พอโทรถี่ๆเข้ากลายเป็นโทรไม่ติดเสียอย่างนั้น ในใจมีแต่คำว่าหงุดหงิด หงุดหงิดและหงุดหงิด แต่ก่อนที่จะหงุดหงิดจนไปลงกับเจ้ามือถือเครื่องเล็ก เจ้ารถคู่ใจก็พาเจ้านายมาถึงที่หมาย ร่างสูงลงจากรถรีบเดินเข้าสู่ตัวบ้านแล้วเรียกถามสาวใช้ที่เดินผ่านมา ถึงได้รู้ว่าเด็กน้อยเพิ่งมาถึงบ้าน ตอนนี้อยู่บนห้องได้ยินอย่างนั้นชางมินก็รีบเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
มือหนาเปิดประตูออกสภาพภายในห้องทำร่างสูงอึ้ง ข้าวของที่เคยเป็นระเบียบบัดนี้ตกเกลื่อนอยู่เต็มพื้น ไม่เว้นแม้แต่แลปท็อปที่เคยวางอยู่บนโต๊ะตอนนี้ลงไปนอนตายอย่างสงบที่พื้นเรียบร้อย ส่วนคนที่ช่วยจัดห้องให้ใหม่กำลังจัดการเป้าหมายต่อไปคือตู้เสื้อผ้าที่มันเริ่มกระจุยกระจาย บนพื้นข้างเท้าเรียวมีกระเป๋าเสื้อผ้าที่ยังจัดไม่เสร็จวางอยู่ มือเล็กเลือกชุดของตัวเองทิ้งลงกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจนัก ตามด้วยดึงชุดของเจ้าของห้องเขวี้ยงทิ้งไปอีกทาง ชางมินได้แต่ยืนมองเด็กน้อยรื้อตู้เสื้อผ้าอย่างไม่คิดจะเข้าไปห้าม ชางมินได้ยินเสียงร่างเล็กพึมพำกับตัวเองว่า...ตัวนี้ชอบใส่ใช่ไหม...เสร็จแล้วก็ยกเสื้อตัวนั้นขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วสั่งน้ำมูกใส่เป็นของแถม เห็นว่าสะใจแล้วก็โยนเสื้อตัวนั้นทิ้งไป ชางมินได้แต่คิดว่าเสื้อของเขาหลายตัวคงกลายเป็นที่ระบายของเด็กน้อยไปแล้ว
ถ้าไม่ได้ทะเลาะกันอยู่ร่างสูงก็คงจะยิ้มกับการกระทำแบบนี้ แต่ต่อให้กำลังทะเลาะกันอยู่เหมือนตอนนี้ร่างสูงก็ยังคิดว่ามันน่ารักดี ชางมินอยากหัวเราะกับสิ่งที่มินโฮทำ แต่เมื่อเห็นมือเล็กยกขึ้นดึงเสื้อทิ้งไปพลางเช็ดน้ำตาให้ตัวเองไปพลางอย่างนั้นก็หัวเราะไม่ออก ทั้งที่นิสัยจริงๆเด็กน้อยไม่ใช่พวกที่ชอบโกรธแล้วพาล โมโหแล้วอาละวาดอย่างที่ทำอยู่ สิ่งที่มินโฮทำลงไปมันล้วนเกิดจากเขาทั้งนั้น คิดแล้วก็เป็นเขาเองที่ผิดที่โกหก การทำให้มินโฮหายโกรธไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำให้กลับมาเชื่อใจอีกครั้งต่างหากที่มันยากกว่า
หากไม่มีคุณแล้ว ผมคิดถึงคุณ และคอยพร่ำเพ้อหาแต่คุณร่ำไป
ก่อนจะหย่อนเสื้อตัวสุดท้ายลงกระเป๋า ร่างบางก็สัมผัสได้ถึงแรงกอดเบาๆจากทางด้านหลัง แล้วเกยคางลงบนลาดไหล่บาง มือบางชะงักก่อนจะกำเสื้อที่ถืออยู่แน่น
“มินโฮ~”ใบหน้าคมซุกหน้าเข้ากับซอกคอคนรัก เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
หากแต่สิ่งที่รับกลับมาคือความเงียบ ไม่มีหือไม่มีอือ ความว่างเปล่าที่ชางมินสัมผัสได้จากร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขน ทำเอาในอกกระตุกวูบร่างสูงกอดคนตัวเล็กแน่นขึ้น แต่ยิ่งกอดแน่นมากแค่ไหนก็รับรู้ได้ถึงแรงสั่นของคนตรงหน้า น้ำตาเม็ดเล็กร่วงหล่นลงมาไม่ขาด เท่านี้ก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้ชางมินรู้สึกผิดไปตลอด
ร่างสูงรั้งร่างบางให้หันกลับมา ยิ่งเห็นในอกก็ยิ่งเจ็บร้าวชิมชางมินผิดเกินไปแล้วจริงๆ ตากลมโตที่เคยสดใสตอนนี้กลับแดงจนน่าจนตกใจ และเหมือนว่าพอเจอเจ้าของความผิดจำนวนน้ำตามันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ร่างสูงมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกผิดจับใจ นิ้วยาวยกขึ้นแตะผิวแก้มใส เกลี่ยหยดน้ำตาออกให้อย่างทนุถนอม แล้วดึงเด็กน้อยเข้ามากอดไว้ หัวกลมซุกซบลงกับอกกว้าง สองแขนเรียวยกขึ้นกอดตอบ
“พี่รู้ใช่ไหมว่าทำไมผมถึงร้องไห้”
“...เพราะพี่ผิด...ทำให้มินโฮเสียใจ”
“แล้วพี่รู้ไหม..ฮึก..ว่าทำไมผมถึงเสียใจ”
“..............”
“เพราะพี่...มีเวลาให้คนอื่น...แต่ไม่มีให้ผม ฮึก..ก พี่รักคนอื่นมากกว่าผมหรอ”ยิ่งพูดร่างบางในอ้อมกอดก็ยิ่งสะอื้นมากขึ้น แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สำคัญกับร่างสูง เด็กน้อยก็เจ็บไปทั้งใจแล้ว ร่างสูงประคองใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาไว้ด้วยสองมือ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ไหวระริก
“...มินโฮคนดี พี่ขอโทษ...พี่ไม่ได้รักคนอื่นมากกว่ามินโฮ แล้วก็ไม่มีใครสำคัญกับพี่มากกว่ามินโฮ มินโฮสำคัญที่สุดและพี่ก็รักมินโฮคนเดียว...”
ความรู้สึกของผมนที่มันอัดแน่นไปด้วยแรงปรารถนาและความหวัง
ความรักของผมมันถลำลึกมากกว่าเดิม
ผมปิดบังมันต่อไปไม่ได้แล้ว คุณคือคนที่ฉันรัก
“ฮึก..ผมก็รักพี่ ผมจะไม่ถามพี่เรื่องวันนี้ ผมจะลืมมันไปก็ได้ ฮึกก แต่พี่อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม”
“พี่สัญญา...ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ดังนั้นหยุดร้องไห้เถอะนะคนดี...”พูดจบร่างสูงก็กดจูบหนักๆที่หน้าผากมนก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอดไว้อีกครั้ง แล้วแนบริมฝีปากลงไปกับไรผมข้างขมับบางซ้ำๆ คนตัวเล็กวาดแขนกอดตอบ ซุกหัวเล็กกับอกหนา
และโดยที่ร่างสูงไม่รู้ตัว เด็กน้อยยกมือข้างหนึ่งที่โอบรัดแผ่นหลังกว้างอยู่ขึ้น แล้วยกนิ้วหัวแม่มือให้กับคนที่ยืนแอบอยู่ตรงประตูห้องตั้งแต่ที่ร่างสูงเดินเข้ามา เพื่อเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า...สำเร็จ...ก่อนที่บุคคลปริศนาจะเดินหายไปจากที่ตรงนั้น
หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันไป ร่างสูงอธิบายให้เด็กน้อยฟังว่าทำไมเขาถึงต้องกินข้าวดูหนังกับผู้หญิงคนนั้น ชางมินยอมรับกับมินโฮว่าเธอมาขอคืนดีและตามตื้อตัวเองอยู่จริง แต่ร่างสูงไม่ได้ตอบรับและปฏิเสธไปทุกครั้ง สุดท้ายยูราจึงล้มเลิกความคิดจะขอคืนดี แล้วชวนเขาออกไปกินข้าวด้วยกันตอนเที่ยงเพราะพรุ่งนี้ตอนเช้าเธอกลับอเมริกาแล้ว ชางมินแค่อยากจะเลี้ยงส่งเท่านั้น แต่ไม่คิดว่ามินโฮจะไปเจอ คนตัวเล็กเลยถามกลับไปว่าแล้วถ้าเธอหลอกให้ชางมินออกไปด้วยแค่นั้นล่ะ จะทำยังไง ชางมินยิ้มแล้วตอบไปว่า
...ต่อให้เธอโกหก พี่ก็ไม่ยอมเจอเธออีกแน่นอน ถ้ามันทำให้เด็กน้อยของพี่เสียใจ...
ตอนนี้เด็กน้อยของชางมินหยุดร้องไห้และล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย นั่งทำตาแป๋วอยู่บนเตียงที่หมอนไปทางผ้าห่มไปทาง ชางมินยืนมองห้องที่เละจนเรียกได้ว่าไม่มีซอกไหนที่เหมือนเดิมอย่างกลุ้มๆ
....ใครจะเป็นคนเก็บวะ!....
พอคิดว่าจะให้คนทำเป็นคนเก็บแล้วหันไปมอง เหมือนว่าเด็กน้อยจะรู้ตัวจึงส่งยิ้มเสียหวานหยดกลับมาให้ แล้วใครมันจะไปใจร้ายได้ลงคอ งานนี้มีหวังคุณแม่บ้านบ่นยาวแน่นอน เลิกคิดเรื่องใครจะเป็นคนเก็บกวาดแล้วเดินมานั่งลงข้างคนตัวเล็ก แขนยาวรวบเอวร่างบางให้ขึ้นมานั่งบนตัก โน้มหน้าเข้าใกล้วางคางไว้บนไหล่ลาด ลมหายใจที่รินรดอยู่ข้างหูทำเอาเด็กน้อยก้มหน้างุด ร่างสูงยิ้มให้กับท่าทางเขินอายนั่น เห็นแล้วก็อยากจับมาจุ๊บแรงๆสักทีสองที คิดแล้วก็กระซิบเบาๆข้างหูบาง...
“มินโฮ~ พี่อยากกินลูกอม~”
FIN.
Behind The Scene
หลังจากที่ตัดสายทิ้งมินโฮก็ลากคีบอมออกจากห้าง แล้วเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน พอขึ้นรถมินโฮก็หยุดร้องไห้เสียอย่างนั้น คีบอมมองเพื่อนตัวเองงงๆ
“นี่ๆ มินโฮนายไม่เสียใจแล้วใช่ไหม”
มินโฮหันมายิ้มให้เพื่อนก่อนจะอธิบายแผนการคร่าวๆให้คีบอมฟัง พอได้ฟังแล้วคีบอมไม่อยากจะเชื่อหูเชื่อสายตาตัวเองนัก นี่ใช่ชเวมินโฮเพื่อนของเขาแน่หรือ???
“แล้วนายคิดว่ามันจะได้ผลหรือไง พี่ชางมินจะตามนายกลับมาแน่หรอ”
“ตามมาสิ นายคอยดูก็แล้วกัน”พูดจบก็แสยะยิ้ม คีบอมมองเพื่อนแล้วกลัวแทนชางมินขึ้นมาทันที เขารู้จักเพื่อนตัวเองน้อยไปหรือความรักมันทำให้คนเปลี่ยนกันแน่เนี่ย คนฉลาดๆอย่างชางมินหรือจะมองไม่ออก แต่ก็ไม่แน่อย่างที่ใครหลายๆคนเคยพูดไว้ว่าความรักมักทำให้คนตาบอด
...บางทีชางมินอาจจะกำลังตาบอดอยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้…